Search
Close this search box.

คอร์สเรียนถ่ายภาพตัวต่อตัว เดือนเมษายน ว่างจำนวน 2 ที่
ดูรายละเอียดเพิ่มเติม หรือ สอบถามวันเวลา คลิก >

Preset Lightroom

คุมโทนไอจียังไง ด้วยพรีเซ็ต แต่งรูป Lightroom ปี 2023

คุมโทนไอจี แต่งรูป Lightroom ปี 2023

คุมโทนไอจีใช้ App อะไร

มารู้จักกับ App คุมโทนกันก่อน

การคุมโทนในไอจีแล้ว ส่วนใหญ่เลยที่นิยมกันหลักๆ จะใช้ App Lightroom หรือ VSCO ความแตกต่างระหว่างสอง App นี้คือความสะดวกและความยากง่ายเท่านั้นเอง

  1. Lightroom มีให้ใช้ทั้งบน มือถือ iOS และ Android และมีทั้งบน iPhone iPad และ Desktop และ Mac เป็นของค่าย Adobe ซึ่ง App Lightroom บน Mobile และ iPad นั้นใช้ฟรี ส่วน Lightroom Classic สำหรับช่างภาพนั้นเสียเงิน ตัว App มีความยืดหยุ่นสูงสามารถปรับแต่งได้อิสระมากกว่า มีความ Advance มากกว่าตัว VSCO แต่หากไม่ได้มีความรู้หรือความเชี่ยวชาญด้านการปรับค่าต่างๆบน Lightroom ก็อาจจะใช้ยากสีเพี้ยน ไม่ได้สีที่ต้องการ ต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม ทำให้เกิดการสร้าง พรีเซ็ต แต่งรูป Lightroom ขึ้นมา เพื่อง่ายต่อการแต่งรูป และคุมโทน ทำให้จากโปรแกรมที่ใช้ยากสมัยก่อน มาเป็นโปรแกรมสุดฮิตที่ต้องมีติดเครื่องไว้เลย

  2. VSCO เป็น App บนมือถือมีให้ใช้บน iOS และ Android เป็น App ที่ใช้งานง่ายเพราะมี Preset พร้อมใช้งานได้เลยทันที แต่การปรับแต่งในเชิงลึกนั้น ไม่สามารถทำได้แบบ Lightroom และไม่สามารถสร้าง Preset เข้าไปใส่แบบ ตัว Lightroom ได้ แต่ข้อดีคือมีพรีเซ็ตให้เลือกซื้อได้เลยด้านใน มีความสะดวกมากกว่า แบบไม่ต้องคิดเยอะ และไม่ต้องลง Preset แบบ App Lightroom ให้ยุ่งยาก แต่ข้อเสียคือไม่มีใครพัฒนาพรีเซ็ตสวยๆมาใส่ได้ คุณต้องเลือกซื้อจากใน App เองอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งต่างจาก Lightroom ซึ่งมีผู้พัฒนา แข่งขันพรีเซ็ตกันอย่างมากมาย


ใครสะดวกแบบให้ให้ใช้แบบนั้น หรือลองโหลดมาทั้งสองแล้วลองเล่นดูก่อนแต่ที่แน่นอนนั่นก็คือ App Lightroom เป็น App ที่ช่างภาพทั่วโลกส่วนใหญ่ใช้ และให้การยอมรับนั่นเอง ทำให้คุณสามารถหาพรีเซ็ต Lightroom ฟรีๆมาใส่ได้แบบไม่จำกัด หรือจะซื้อ พรีเซ็ต แต่งรูป Lightroom คุณภาพจากช่างภาพมืออาชีพก็ได้เช่นกัน

สอน Lightroom มือถือ Lightroom classic

App Lightroom

iOS : Download >

Android : Download >

vsco

App VSCO

iOS : Download >

Android : Download >

พรีเซ็ท Lightroom Fuji Film Tone SENSIA 100

หาโทนของตัวเองที่ใช่ให้เจอ

โดยทางเราจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท

  1. โทนสีกล้อง หรือ Color Profile Camera เน้นความสมจริง ของโทนสีจากกล้องนั้นๆ ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ เช่นกล้อง Classic อย่าง Leica , Fuji เป็นต้น หรือ Canon EOS 5D ในตำนาน ซึ่งคนที่ใช้พรีเซ็ต Lightroom เหล่านี้ ต้องการความสมจริง ไม่ใช่การย้อมสีที่จัดจนเกินไป เพราะฉะนั้นความแตกต่าง อาจจะเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดูรายละเอียดของ Color Profile Camera Preset ที่นี่ >

     

  2. โทนสีฟิล์ม หรือ Color Film Tone เน้นความสมจริงของฟิล์มตามยี่ห้อนั้นๆ เช่น Fuji , Kodak ซึ่งปัจจุบัน Film เป็นของหายากไปแล้ว และกลับมาฮิตอีกครั้งเพราะความเป็นเอกลักษณ์ของฟิล์ม ที่ทำให้ภาพดูอารมณ์แบบ Classic มีสเน่ห์ และแต่ละฟิล์มก็ให้สีภาพที่ไม่เหมือนกันอีกด้วย จึงมี Preset Lightroom Film Tone ขึ้นมา >

     

  3. โทนสีย้อม หรือ Color Tone ที่วัยรุ่นหรือคนทั่วไปนิยมและฮิตกัน เพราะ การย้อมโทนสีเป็นเทคนิคพิเศษของแต่ละคน แต่ละช่างภาพ มีความเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนกัน โดยสามารถมีได้ทุกเฉดสี แต่เฉดสีที่นิยมกันนั้นหลายๆคนอาจจะเคยได้ยินกันมาก่อนตามนี้
    –  แต่งรูป Lightroom โทนละมุน
    –  โทนดาร์กส้ม
    –  โทนดาร์กเขียว
    –  โทนเกาหลี
    –  โทนดาร์ก
    –  โทนสว่าง
    โดยจะมีเฉดสีที่มีความชัดเจน และมีความแตกต่างโดยการลดสีบางอย่างออกไปให้ตัวแบบภาพดูเด่น และเน้นสีที่ต้องการเพิ่มขึ้นมาเป็นต้น และที่สำคัญอาจจะต้องมีการวางแผนการถ่ายรูปให้ดี เพราะยิ่งสีภาพมีมากก็ยิ่งทำโทนยากยกตัวอย่าง หากต้องการแต่งรูป Lightroom โทนน้ำตาลเกาหลี ก็ต้องแต่งตัว หรือ หาสถานที่ที่ดูมีสีครีม สีน้ำตาล สีเบจ และมินิมอล ไม่รกรุงรัง หากมีสีอื่นๆติดมาด้วยก็ต้องน้อยที่สุด ถึงจะออกมาตรงตามโทนได้มากที่สุด ดูแต่งรูป Lightroom พรีเซ็ต Color Tone ที่นี่ >
คุมโทนไอจี แต่งรูป Lightroom ปี 2023

เทคนิคในการคุมโทนไอจี

  1. วางแผนการถ่ายรูป แต่งตัวให้เข้ากับสถานที่
    เช่นหากสถานที่นั้นเป็นสีขาว สีครีม การแต่งตัวนั้นสามารถแต่งได้ค่อนข้างหลากหลายเช่น แต่งตัวชุดสีน้ำตาลครีม หรือสีดำ สีพาสเทล ก็ได้เช่นกัน แต่จะยากตรงที่สถานที่ ที่มีความหลากหลายของสีอย่างเช่นในเมือง ก็พยายามหาโลเคชั่นหรือมุมที่สีนั้นไม่มากจนเกินไป และที่สำคัญ คุณต้องตัดสินใจให้ได้ก่อนว่าจะใช้โทนอะไร

  2. เลือกเวลาถ่ายภาพให้ได้แสงสวยๆ เช่นก่อน 10 โมง และหลังบ่าย  3 โมง จะได้แสงที่ซอฟ ไม่แรงไม่แข็งจนเกินไป ภาพถ่ายก็จะสวยขึ้นอีกด้วย

  3. เลือกไสตล์ หรือ หา Reference ก่อน หากคุณเป็นมือใหม่ยังไม่โปร หรือ แม้แต่มือโปรแล้วก็เถอะก็ต้องมีตัวอย่างหรือต้นแบบในการถ่ายรูปหาไอเดีย เพราะถ้าไม่วางแผนถ่ายอาจจะหลุดโทนที่คุณกำลังจะคุมโทนอยู่ เพราะถ้าเราถ่ายตามเรฟแล้วจะไม่หลุดโทนแน่นอน

มือใหม่ ไม่ต้องบ้ากล้อง บ้าไฟล์ RAW เพราะมันจะทำให้การถ่ายรูปหมดสนุก

iphone 14pro max raw

หากคุณกำลังเป็นมือใหม่ กำลังคิดว่ากล้องแพงๆจะทำให้คุณถ่ายรูปสวยขึ้นคุณอาจจะคิดผิด ถ้าคุณเป็นมือใหม่คุณจะไม่มีวันจับกล้องแพงแล้วถ่ายสวย เพราะคุณยังไม่เชี่ยวชาญการใช้กล้องมาก่อน การที่จะถ่ายรูปแล้วสวยคุณต้องเข้าใจการตั้งค่าต่างๆเกี่ยวกับการรับแสง ชนิดของเลนส์ อะไรควรเหมาะกับการถ่ายด้วยเลนส์ชนิดไหน กว่าคุณจะศึกษามันเสร็จก็อาจจะท้อไปหมดซะก่อน

” เราแนะนำให้คุณเริ่มต้นถ่ายรูปจากมือถือให้เป็นก่อน “

คุณอาจจะแปลกใจกับคำแนะนำนี้ แต่ฟังไม่ผิด เพราะจริงๆแล้วควรเริ่มต้นจากการจัดคอมโพสต่างๆให้เป็นก่อนในการถ่ายรูปซึ่ง ปัจจุบันทุกคนมีมือถืออยู่ในมือแล้ว มันง่ายมากที่จะเริ่มต้นผ่านสิ่งนี้ หากการจัดคอมโพสต่างๆเป็นแล้ว เข้าใจหลักการในการใช้จินตนาการก่อนถ่ายภาพ บางทีกล้องระดับโปรอาจจะไม่จำเป็นนอกจากคุณต้องการคุณภาพที่สูงขึ้น หรือใช้ในงานที่สเกลใหญ่ขึ้นจนมือถือไม่สามารถทำได้

แต่ปัจจุบัน iPhone 14 Pro Max หรือรุ่น Pro ต่างๆของiPhone นั้นก็สามารถ่ายแบบไฟล์ RAW ได้อย่างดีเยี่ยม และยับปรับค่า F ต่างๆได้อย่างละเอียด และมีเลนส์บิ้วอินขนาดย่อมแต่คุณภาพสูงอีกด้วย แม้ว่าเลนส์คงไม่สามารถเทียบได้ในระดับกล้องใหญ่ก็ตาม แต่อย่าลืมว่าเป็นสิ่งที่สะดวกและอยู่ในมือคุณได้นานที่สุด หากคุณสามารถรีดประสิทธิภาพในการถ่ายรูปจากกล้องมือถือได้แล้ว คุณก็พร้อมแล้วที่จะพัฒนาต่อไปในการถ่ายกล้องใหญ่ หรือบางคนอาจจะไม่ใช้กล้องใหญ่เลยก็ได้ เพราะเรื่องความสะดวกในการถ่าย สุดท้ายสิ่งสำคัญในการถ่าย ไม่ว่าจะจากไหนก็ตาม ขึ้นอยู่กับว่าการถ่ายของคุณได้อารมณ์ภาพหรือไม่ แค่นั้นเอง

อย่าถ่ายไฟล์ Raw หากไม่คิดจะแต่งภาพ

คุณอาจจะเคยได้ยินเรื่องไฟล์ RAW มาบ้างว่า หากจะถ่ายรูปออกมาสวยจะต้องเป็น File Raw แท้จริงแล้วถ้าจะให้ขยายก็คือ ถ่ายรูปเพื่อเอามาแต่งเพิ่มมากกว่า ไฟล์ RAW จะทำหน้าที่ออกมาได้ดีที่สุดในเรื่องการเก็บรายละเอียดสีแบบดิบๆนั่นเอง เพื่อง่ายต่อการนำไปแต่งเพิ่มเติม ข้อดีที่ช่างภาพนิยมใช้คือแก้แสงไวท์บาลานได้ดี แต่สำหรับคนทั่วไปอาจจะไม่จำเป็นต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ เพราะฉะนั้นรูปไฟล์ RAW ดิบๆนั้นจะดูแห้งๆไม่สวยซะมากกว่า
และที่สำคัญกินเนื้อที่จำนวนมาก หากถ่ายรูปไฟล์ Raw ด้วย iPhone 14 Pro max ก็มี 30MB ขึ้นไปแน่นอนต่อรูปภาพเพียงรูปเดียว แปปๆเดียวมือถือคุณอาจจะเมมเต็ม เพราะฉะนั้นก่อนถ่ายก็คิดก่อนว่างานนี้ควรจะถ่ายเป็นไฟล์แบบไหน
เพื่อสิ่งที่เราต้องการนำมาใช้งานได้ตรงกับคุณภาพงานมากกว่า
หากคุณแค่ถ่ายรูปเล่นๆไฟล์ Raw อาจจะไม่ได้จำเป็นมากนักเพราะใครๆก็ถ่าย JPG กันก็ออกมาดูดี อยู่ที่การคิดในการถ่ายภาพมากกว่าเท่านั้นเอง ลองดูภาพจากด้านบนเปรียบเทียบทั้ง Raw และ JPG จะเห็นว่า ไฟล์ JPG ก็ไม่ได้แย่หากนำคุมโทนแต่งภาพก็สามารถใช้งานได้อย่างดีเยี่ยม

ส่วนข้อดีข้อเสียของ RAW และ JPG นั้นเดี๋ยวเราจะเปรียบเทียบให้แบบละเอียดในบทความหน้าถัดไปครับ